กีตาร์คาราบาวตัวนี้ ซื้อมาตั้งแต่เริ่มโปรโมทแรกๆ เมื่อเดือนกันยายน ปี 2549
ที่ซื้อเพราะเลิกเล่นวง เลยขายกีตาร์ไฟฟ้าไป (Angelo ---รุ่นไหนไม่รู้ ทรง Strat)
แล้วอยากได้กีตาร์ที่พกพาง่าย ราคาถูก กระแทกแล้วไม่เสียดาย เอาไว้สังสรรค์เฮฮา
ก็มาเจอกีตาร์คาราบาว ด้วยชื่อเสียงของวงคาราบาว ที่นำมาตั้งเป็นชื่อยี่ห้อ
บวกกับที่น้าเล็ก คาราบาว เป็นผู้ออกแบบ ก็เลยสนใจไม่น้อย
แต่ยังไงก็ต้องลองเสียงกันหน่อย...
ไปลองเสียงที่ร้าน BNG (มั้ง) ก็พบว่า เสียงมันดีกว่าที่คิดไว้เยอะ
เสียงมาเต็ม เด่นช่วงเสียงกลาง ไปจนถึงกลางต่ำ
ความสมดุลของระดับเสียงและความถี่ดีมาก
ทัชชิ่งก็ดี ถึงแอ๊คชั่นจะสูงไปนิด แต่ตั้งใจเอามากระหน่ำตีคอร์ด ก็เลยเหมาะสมดี
ตอนนั้นเล็ง YAMAHA F-310 ไว้ด้วย
เมื่อเทียบกันแล้วถือว่า YAMAHA เสียงจะบางกว่า ออกไปทางเบสทุ้ม แหลมใส อาจถูกใจ strummer
แต่ผมเล่น single-note ด้วย picking ด้วย แล้วก็จังหวะกลิ่น Bassanova ด้วย
ก็เลยอยากได้เสียงหนาๆ หน่อย
กีตาร์คาราบาวตัวนี้ ถือว่าเนื้อเสียงที่ได้ เกินราคามาก
(สำหรับตอนนั้น ที่ไม่ค่อยมีกีตาร์ยี่ห้อดีๆ ถูกๆ ให้เลือกมากนัก)
สายกีตาร์ที่ให้มาก็เป็นยี่ห้อคาราบาว สายไม่แข็ง แต่รู้สึกว่าเล่นยาก
เสียงทึบๆ ไปนิด เบสลงไม่สุด กลางไม่พุ่งเท่าที่ควร
ทางร้านแถมสายยี่ห้อคาราบาวมาอีกชุด ผมก็เลยทิ้งซะเลย :p
พอเปลี่ยนเป็นสาย D'Addario Phosphor Bronze (ไม่เคลือบ) เบอร์ .011-.052
ยกระดับคุณภาพเสียงขึ้นไปอีก เสียงเบสอาจไม่ลึก แต่เป็นก้อนมากขึ้น
เสียงกลางพุ่งแรงแซงโค้ง มีความโปร่งใส ย่านเสียงแหลมก็กรุ๊งกริ๊งเล็กน้อย
แถมเล่นง่าย เหมาะมือ เพราะผมชินกับสายยี่ห้อนี้อยู่แล้ว
มีกระเป๋าแถมมาด้วยนะ เป็นยี่ห้อของทางร้าน บางๆ ให้พอใส่เป็นพิธีไปงั้น
กันกระแทกไม่ได้ สะพายลำบาก แถมใส่ไม่พอดีตัวอีก
เพราะกีตาร์เป็นทรง Stage จะบางกว่า แถมหัวกีตาร์ก็สูงกว่าชาวบ้านเขาเล็กน้อย
โดยรวมถือว่าพอใจ กับสตางค์ที่เสียไปสามพันต้นๆ
ใช้เล่นบุกน้ำ ลุยไฟ ขึ้นเขา ลงห้วย สารพัดสารเพ
ก็ถือว่าคุ้มดี
ผ่านไป 7 ปี
ไม้หน้าเริ่มโก่งงองอนเสียแล้ว
ต้องลดขนาดสายเพื่อลดแรงตึง
ตอนนี้เลยใช้สาย D'Addario EZ900 .010-.050 เป็นสาย 85/15 Bronze
จะให้เสียงสดใสกว่า Phosphor Bronze แต่จะไม่ถึงขนาด 80/20 Bronze
กลายเป็นว่า ผมชอบเสียงของสายประเภทนี้ซะงั้น รู้ใช้มาตั้งนานแล้ว -*-
ก่อนเปลี่ยนสายรอบล่าสุดนี้ ผมตั้งใจจะเปลี่ยน nut และ saddle ด้วย
แต่หาขนาดยากเหลือเกิน nut ก็เล็ก (ขนาด 42 mm)
saddle ก็ไม่ใช่ขนาดมาตรฐานแบบที่ชาวบ้านชาวช่องเขาใช้กัน
สุดท้ายก็เลยยังไม่เปลี่ยน ใช้ของสึกๆ อันเดิมไปก่อน
อ่อ ตอนอายุได้แค่ 4 ปี ลูกบิดสายสี่ (D) เกิดอาการงอแง
ไม่รู้ว่าแหวนรองตัวหมุนหายไปไหน มันก็เลยจมไปอยู่ใกล้คอกีตาร์
เวลาหมุนทำให้ติดคอกีตาร์อยู่ร่ำไป เป็นอุปสรรคต่อการตั้งสายมาก
โดยรวม ตอนนี้ก็ถือว่ายังใช้ได้ในหลายๆ โอกาส
หลักๆ เดี๋ยวนี้ก็ไม่ค่อยเอาไปเล่นสังสรรค์แล้ว
เลยเอาไว้เล่นคลายเครียด เปลี่ยนอิริยาบถระหว่างทำงาน
ผมก็วางไว้ข้างโต๊ะทำงานเลย ใครชนล้มก็ไม่เป็นไร ไม่เสียดาย ประมาณนั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น