วันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

กีตาร์โปร่งไฟฟ้า Walden G630CE

Walden เป็นยี่ห้อกีตาร์จากอเมริกา
เป็นที่นิยมมากทั่วโลก โดยเฉพาะมือกีตาร์สาย fingerstyle
ถึงจะ made in china แต่ก็เป็นโรงงานของตัวเอง
ทำให้ควบคุมคุณภาพการผลิตได้เต็มที่

G630CE ที่ผมได้มาตัวนี้
เป็นของมือสอง แต่มีอายุแค่ 3 เดือน
ยังมีกลิ่นความใหม่อยู่เลย (กลิ่นไม้+น้ำยาเคลือบ)

สัมผัสแรกคือ งานค่อนข้างดีถึงดีมากสมคำร่ำลือ
ยิ่งเทียบกับราคาเต็มของใหม่คือประมาณเก้าพัน ก็ยิ่งคุ้มค่า (เมืองนอกขายแพงกว่านี้อีก)
ตามตัวมีตำหนิอยู่เล็กน้อย พอรับได้ ทำไงได้ มันไม่ใช่ของใหม่
แค่ไม่ชัดจนหงุดหงิด หรือไม่มีผลต่อเสียง ก็พอแล้ว
ครั้นจะเก็บตังให้พอซื้อของใหม่ ก็ขี้เกียจรอแล้ว ตัดสินใจไปแล้วด้วย
ที่ไม่ค่อยชอบใจนักก็คือ ปิ๊กการ์ดเป็นรอยริ้วพริ้วเชียว เจ้าของเดิมคงเล่นหนักมือแน่ๆ
ตัวผมเอง ไม่ว่าจะตีคอร์ดหนักแค่ไหน ก็ไม่เคยดีดโดยตัวกีตาร์เลย
แต่ก็ไม่เป็นไร ผมวางแผนจะเอาปิ๊กการ์ดออกอยู่แล้ว
ไม่ใช่เพราะว่ามันมีผลกับเสียงหรอก ผมฟังไม่ออก
แต่ด้วยความสวยงามและความชอบส่วนตัวล้วนๆ

ลองสำรวจรอบๆ สังเกตได้เลยว่าคอตรงแหน่ว ดูแข็งแกร่ง (สมคำร่ำลืออีกแล้ว)
เพราะเขาเสริมคอกีตาร์ด้วยแท่งกลาสไฟเบอร์สองแท่งเลย
เพื่อความแข็งแรง เพื่มเสียงเบสและความกังวานได้อย่างชัดเจน
ทั้งยังช่วยให้ทำขนาดด้านหลังของคอให้เล็ก เล่นง่ายมาก
(แต่ไม่เล็กบางจนเกินไป ไม่งั้นจะเมื่อยมาก)

ขนาดความกว้างของคอ หรือ nut width ก็ตามมาตรฐานที่ 43 มม. หรือ 1 11/16"
จริงๆ ผมอยากได้คอใหญ่กว่านี้ (1 3/4") แต่ต้องเป็นรุ่นสูงๆ ระดับราคาสองหมื่น

เจ้าของเดิมบอกว่า ปรับ action มาแล้วที่ตัว saddle
เมื่อลองเล่น ก็สัมผัสได้เลย touching โอเคเลย
ไม่สูงไม่ต่ำเกิน กำลังพอดี วัดดูระยะจากเฟร็ตมาถึงสาย 6 ที่เฟร็ต 12 ได้ 2.5 มม.
(สาย 1 ได้ 2 มม. นิดๆ)

สัมผัสจากการเล่น เล่นได้ง่าย ลื่นไหลมาก ทั้งริทึ่มหลากหลายรูปแบบ และโซโล่
ถ้าซื้อของใหม่ กีตาร์ยี่ห้อนี้จะมาพร้อมสาย D'Addario EXP11
ซึ่งเป็นสายเคลือบ 80/20 Bronze เบอร์ .012-.053
ถึงชื่อรุ่นจะเป็น EXP11 แต่เป็นสายเบอร์ 12 นะครับ

แต่เจ้าของเดิมดันเปลี่ยนสายเป็น Elixir เบอร์ 12
เป็นสายที่ผมไม่ชอบเอาเสียเลย...
จริงๆ เสียงมันโอเคเลยแหละ เสียงใสปิ๊ง แต่ผมไม่ชอบสัมผัสเวลาเล่น
---มันลื่นเกินไป
ที่สำคัญ สายเก่ามันเริ่มดำและเป็นขลุยแล้ว (จุดเด่นของ Elixir เขาล่ะ เรื่องเป็นขลุยเนี่ย)
ก็เลยตั้งใจจะเปลี่ยนกลับเป็น EXP11 เพื่อสัมผัสอารมณ์ดั้งเดิมของกีตาร์
ผมคิดว่า ผู้ผลิตคงเลือกสายที่ติดกับตัวกีตาร์มาอย่างดี
เพื่อให้ถ่ายทอดเสียงธรรมชาติของตัวกีตาร์ให้มากที่สุด (นอกเหนือจากเรื่องการตลาด)

แต่... สาย EXP11 ดันหมด โทรถามหลายร้านเลย ขาดตลาดซะงั้น
เลยเปลี่ยนมาลองใช้สาย Phosphor Bronze ของยี่ห้อเดียวกันแทน
และแน่นอน ในเมื่อยังไงก็ไม่ได้ความ original แล้ว ก็เอาสายแบบไม่เคลือบตามที่ผมถนัด
มาจบที่ D'Addario EJ16 (Phosphor Bronze .012-.053)
พอเปลี่ยนสายเรียบร้อย ก็ได้เวลาทดสอบเสียงอย่างจริงจัง

วันแรกก็สัมผัสได้ถึงความแตกต่าง เสียงกลางคมชัด เป็นผลมาจากไม้หน้า Solid Red Cedar
เม็ดเบสที่นุ่มนวล จาก Indian Rosewood ที่แปะเป็นด้านข้างและด้านหลัง (ลายสวยสุดๆ)
ให้ sustain และเสียงเบสที่ทุ้มลึกอย่างเห็นได้ชัด และน่าจะเป็นเพราะแท่งกลาสไฟเบอร์ที่เสริมเข้ามาด้วย
ยิ่งใช้สาย Phosphor Bronze ด้วยแล้ว ความนุ่มทั้งย่านเสียงกลาง กลางต่ำ จนถึงเสียงเบส
ยิ่งขับออกมาชัดเจน และ Red Cedar ช่วยขับเสียงโน้ตแต่ละโน้ตได้อย่างคมกริบ

ผ่านไปสามวัน เสียงยิ่งดีขึ้นไปอีก น่าจะเป็นเพราะสายเริ่มคงตัวได้ดีขึ้น
เขาว่ากันว่า ไม้ Red Cedar จะให้เสียงที่สม่ำเสมอ ไม่ต้องรอหน้าไม้เปิดเท่าไร
และมันคงไม่พัฒนาตัวเองเร็วขนาดนั้นหรอก น่าจะเป็นเพราะสายมากกว่า
แต่ถึงอย่างไร กีตาร์ที่ใช้ไม้ solid ยิ่งนาน เสียงก็ยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ
(แต่ถ้าเก็บอย่างเดียว ไม่นำมาเล่น ก็ไม่ช่วยให้เสียงดีขึ้นนะ)
ส่วนจะดีขึ้นจนเห็นผลแค่ไหนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับหูล่ะ ว่าฟังออกมั้ย

สัมผัสของสายกีตาร์เวลาเล่น ก็นุ่มนวลตามเสียงที่ได้ยินเลยทีเดียว
โดยเฉพาะลอง improvise เพลงกลิ่นแจ๊ซๆ บอสซาๆ ด้วยปิ๊ก Jim Dunlop Jazz III
เรียกได้ว่า มีถึงสามองค์ประกอบที่ช่วยผลักความนุ่มนวลของเสียงออกมาได้อย่างดี
ตัวกีตาร์ สายกีตาร์ และวัสดุที่ใช้ดีด (ถ้าจำไม่ผิด Jazz III จะเป็นปิ๊กไนลอนนะ)
ตอนนี้เรียกได้ว่า ประทับใจทุกๆ อย่างจากกีตาร์ตัวนี้ มันช่างเข้ากันได้ดีกับหูของผมจริงๆ

แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่งคือ ผมรู้สึกว่า fingerboard radius มันโค้งน้อยไปหน่อย
ทำให้เวลาเล่นคอร์ดทาบที่เฟร็ตลึกๆ ค่อนข้างลำบาก
ยิ่งคอร์ดแจ๊ซที่ต้องทาบแบบพิสดาร ผมจะทำสาย 1 บอดอยู่เสมอ
ปรึกษาช่าง ช่างบอกต้อง refret กันเลยทีเดียว
ก็... เอาไว้ก่อน ฝึกเล่นให้ชินมือดีกว่า

ผ่านไป 5 วัน ผมแกะปิ๊กการ์ดออกเลย
พยายามแกะตั้งแต่วันแรกละ แต่แกะไม่ออก
ได้วิธีแกะมา ให้เอาผ้าปิดแล้วเตารีดทับ (ร้อนปานกลาง)
ให้กาวมันร้อน มันก็จะลอกง่าย ซึ่งก็ง่ายจริงๆ
เขาว่ากันว่า เมื่อแกะปิ๊กการ์ดออกแล้ว เสียงจะกังวาน sustain ยาวขึ้น
เพราะไม้หน้าสั่นได้มากขึ้นที่แกะ

แต่ที่ผมแกะ ไม่ใช่เพราะเรื่องเสียง
ผมแกะเพราะความสวยงามเฉยๆ แค่ไม่ชอบกีตาร์ที่ติดปิ๊กการ์ด เท่านั้น
ครั้นพอแกะเสร็จกลับพบว่า เออ เสียงมันกังวานขึ้นจริง
อาจไม่ชัดเจน แต่สัมผัสได้ (ตอนแรกนึกว่าจะฟังไม่ออก ทักษะการฟังยังดีอยู่แฮะ)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น